2 กาล (TENSES)
Tense คือการรวมคำกริยาช่วย (verb to be, verb to have, will และ shall) เข้ากับคำกริยาหลัก หรือการใช้กริยาหลักเพียงตัวเดียวในรูปแบบที่ต่างกันออกไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าการกระทำนั้นๆเกิดขึ้นใน 3 ห้วงเวลาหลักที่แตกต่างกันออกไปโดยในแต่ละห้วงเวลาหลักยังแบ่งออกได้เป็น 4 ช่วงย่อย ตามตารางต่อไปนี้
| อดีต (Past) | ปัจจุบัน (Present) | อนาคต (Future) |
1. | อดีตธรรมดา | ปัจจุบันธรรมดา | อนาคตธรรมดา |
สูตรการใช้ tense แต่ละชนิดนั้นไม่ยาก มีหลักช่วยจำง่ายๆ คือ ในแถวนอนที่ 1 จะเป็นรูปธรรมดา (simple) ของคำกริยา คือกริยาช่อง 1 สำหรับปัจจุบัน, กริยาช่อง 2 สำหรับอดีต และ will, shall + กริยาช่อง 1 สำหรับอนาคต ในแถวนอนที่ 2 จะเป็น กริยาช่อง 1 + ing เพื่อหมายถึง กำลังกระทำ (continuous) โดยจะเป็น is, am, are + (กริยาช่อง 1 + ing) สำหรับปัจจุบัน, was, were + (กริยาช่อง 1 + ing) สำหรับอดีต และ will, shall + be + (กริยาช่อง 1 + ing) สำหรับอนาคต จะเห็นได้ว่าทั้งหมดมี (กริยาช่อง 1 + ing) เหมือนกัน ในแถวนอนที่ 3 จะเป็น กริยาช่อง 3 เพื่อหมายถึง การกระทำที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว (perfect) โดยมี has, have + กริยาช่อง 3 สำหรับปัจจุบัน, had + กริยาช่อง 3 สำหรับอดีต และ will, shall + have + กริยาช่อง 3 สำหรับอนาคต ในแถวนอนที่ 4 จะเป็น been + (กริยาช่อง 1 + ing) เพื่อแสดงถึง การกระทำที่เริ่มมาแล้วและกำลังดำเนินอยู่ (perfect continuous) โดยมี has, have + been + (กริยาช่อง 1 + ing) สำหรับปัจจุบัน, had + been + (กริยาช่อง 1 + ing) สำหรับอดีต และ will, shall + have + been + (กริยาช่อง 1 + ing) สำหรับอนาคต
CONVERSATION 1
A: We went to San Diego for our vacation.
B: How is the city?
A: It's a nice place to visit.
B: Will you go back there again? A: I definitely will.
CONVERSATION 2
A: We were in San Francisco last week.
B: What's it like over there?
A: It's an exciting city to live in.
B: Do you think you'll go back again? A: Of course, I will.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น