2 | คำสรรพนาม (PRONOUNS) |
คงจะเป็นการลำบากหากเราต้องเรียกชื่อตัวเองหรือชื่อผู้อื่นทุกครั้งในขณะสนทนา โดยเฉพาะถ้าชื่อเหล่านั้นไม่ใช่ชื่อสั้นๆที่เรียกได้ง่ายๆด้วยเหตุนี้เองจึงมีคำสรรพนามมาใช้แทนผู้พูด ผู้ฟัง ผู้ที่เราพูดถึง และสิ่งที่เราพูดถึงเพื่อช่วยให้การพูดคุยสะดวกขึ้น
เราใช้คำสรรพนามแทนคนและสิ่งของในสถานการณ์พื้นฐานง่ายๆ 3 สถานการณ์ด้วยกัน คือ เมื่อคนหรือสิ่งของนั้นเป็นผู้กระทำ (ประธาน) เป็นผู้ถูกกระทำ (กรรม) และแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งเรียกรวมกันว่า personal pronouns
| เป็นผู้กระทำ | เป็นผู้ถูกกระทำ | แสดงความเป็นเจ้าของ | แสดงความเป็นเจ้าของ* | ||||
เอกพจน์ | พหูพจน์ | เอกพจน์ | พหูพจน์ | เอกพจน์ | พหูพจน์ | เอกพจน์ | พหูพจน์ | |
| I | we | me | us | my | our | mine | ours |
*ใช้โดยไม่ต้องมีคำนามมาตามหลัง อาจอยู่ข้างหน้าหรือข้างท้ายของประโยค เช่น This is mine. (นี่เป็นของของฉัน) Mine is not here. (ของของฉันไม่ได้อยู่ที่นี่)
ยกตัวอย่างเช่นในกรณีที่จอห์น (ผู้พูด) พูดกับเจนนิเฟอร์ (ผู้ฟัง) เกี่ยวกับแคที (ผู้ถูกพูดถึง) ว่า "ฉันชอบหล่อนมาก" ภาษาอังกฤษก็จะเป็น "I like her very much." แต่ปรากฏว่าแคทีไม่ชอบจอห์นเลยกลับไปชอบสุนัขของจอห์นเสียนี่ ประโยคภาษาอังกฤษที่จอห์นจะพูดก็คือ "She doesn't like me. She likes my dog."
CONVERSATION 1
A: Who is your history teacher?
B: I have Mr. Mathis.
A: He taught me last year. I now have Ms. Shafran.
CONVERSATION 2
A: Whom do you have for English?
B: Mr. Jones is teaching me this semester.
A: I had him last semester. Mine is Mrs. Lowe.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น