1.3 เอกพจน์/พหูพจน์ (SINGULAR/PLURAL)
คำนามนับได้และมีจำนวนเพียงหนึ่งเดียว เช่น a boy, a bus, a baby, a mango ฯลฯ ถือว่าเป็นคำนามในรูปเอกพจน์ แต่ถ้ามีจำนวนมากกว่าหนึ่งขึ้นไปถือว่าเป็นคำนามในรูปพหูพจน์ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เราพูดถึงคำนามนับได้และมีจำนวนมากกว่าหนึ่งขึ้นไปแล้วอย่าลืมใช้คำนามในรูปพหูพจน์พร้อมกับตัด a หรือ an หน้าคำนามในรูปเอกพจน์เดิมออกเสีย
หลักทั่วไปสำหรับใช้เปลี่ยนรูปคำนามจากรูปเอกพจน์เป็นพหูพจน์ ได้แก่
· เติม s ท้ายคำนามเอกพจน์ส่วนใหญ่ เช่น books, girls, tables, cars ฯลฯ
· เติม es ท้ายคำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย s, ss, ch, sh, o, x หรือ z เช่น buses, glasses, churches, tomatoes, boxes ฯลฯ
· เปลี่ยน y ท้ายคำนามเอกพจน์เป็น ies เช่น baby เปลี่ยนเป็น babies, library เป็น libraries, activity เป็น activities ฯลฯ
· เปลี่ยน f หรือ fe ท้ายคำนามเอกพจน์เป็น ves เช่น life เปลี่ยนเป็น lives, wife เป็น wives, shelf เป็น shelves ฯลฯ
CONVERSATION 1
A: Where are the kids?
B: They're off to schools.
A: Did they do the dishes?
B: They did.
CONVERSATION 2
A: Where are the boys off to?
B: They left for the libraries.
A: Did they take those empty boxes outside?
B: They said they would do it when they get back.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น